การใช้ Tense


1. Present Simple Tense

  1. เหตุการณ์ที่เป็นจริงทั่วๆไป (general truth)
  2. การกระทำที่ทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย
  3. เหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด
  4. สิ่งที่กำหนดแน่นอนว่าจะทำในอนาคต
  5. บอกคำพูด นิยาย หรือคำประพันธ์ที่ผู้ประพันธ์ได้กล่าวไว้
  6. ใช้กับประโยค If-Cluase เพื่อบอกเหตุผลที่จะเกิดขึ้น หรือเงื่อนไขบางประการที่เป็นไปได้
  7. ใช้กับประโยคอุทาน หลังคำว่า here หรือ there
  • The earth moves round the sun.
  • He gets up early everyday.
  • She sleeps in the bed.
  • He sets sail tomorrow and comes back next week.
  • Obama says that we must change.
  • If she comes, I will see her.
  • Here comes the bus! / There goes your friends!

2. Present Continuous Tense

  1. การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นขณะพูด
  2. เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นประจำขณะที่พูด (ใช้แทน Present Simple Tense ได้)
  3. เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คากว่าเกิดขึ้นแน่นอน (ส่วนใหญ่ใช้กับกริยาเคลื่นที่)
  4. กริยาที่ใช้กับ continuous tense ไม่ได้
    • สภาวะจิตใจหรือความรู้สึก believe feel doubt want wish know like love suppose hate remember recognize see think
    • การรับรู้ appear hear look seem smell taste
    • ความเป็นเจ้าของ posses own have belong
    • อื่นๆ agree consist deny depend disagree mean please promise include need satisfy surprise
  • He is walking now.
  • My dad is just sleeping in the bed. (เน้นว่ากำลังเกิดขึ้น ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น)
  • He is working hard this month.
  • She is coming here next week.
  • I am going to hunt next week.

3. Present Pefect Tense

  1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังคงดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้ในขณะที่พูดถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ มักมีคำต่อไปนี้ since, for, so far, up to now, up to the present
  2. เหตุการณ์ที่แสดงว่า เคยหรือไม่เคยทำ นับตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีกมีคำเหล่านี้ never, ever, once, twice
  3. เหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงใหม่ๆ มีกมีคำเหล่านี้ just, yet, already
  4. เหตุการณ์ที่จบลงไปแล้ว แต่ผู้พูดยังคงรู้สึกถึงผลของเหตุการณ์นั้นอยู่
  • I have lived in Bangkok since I was 18 years old.
  • She has slept in the room for 8 hours.
  • Have you ever been to Tokyo?
  • I have just com back from Japan.
  • Has he finished the work yet? No. not yet.
  • I’ve seen her before.

4. Present Perfect Continuous Tense

  1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีความต่อเนื่องของการกระทำ มักมีคำว่า since, for
  2. คำกริยาที่ใช้ใน tense นี้ ต้องเป็นคำที่แสดงถึงความต่อเนื่องเท่านั้น ได้แก่ learn, live, wait, eat ฯลฯ กริยาที่ใช้ไม่ได้ เช่น stop, lie, arrive
  3. เน้นความต่อเนื่องของการกระทำมากกว่า Present Pefect Tense จึงไม่ใช้กับคำเหล่านี้ just, already, never, finally
  4. ใช้ since แบบนี้ Present Perfect Continuous Tense + since + Past Tense
  • I have been studying English since 2007.
  • He has been sleeping since he came back from the office.
  • Q: You look tired. A: Yes, I have been working all day.
  • I have known her for several years. (ไม่ใช่ have been knowing)
  • I have been living here since I was a child.
  • She have been working since she woke up.

5. Past Simple Tense

  1. การกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอตีค มักมีคำแสดงอดีต yesterday, last year, ago, once upon a time, durng the war
  2. การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว มักมีคำ always frequently, usually, never (ถ้ามีคำบอกความถี่อย่างเดียว ไม่บอกเวลา จะใช้ Present Simple Tense)
  • She went to the movie last night.
  • Jane always went to school late last year. (แต่ปัจจุบันไม่ได้สายแล้ว)
  • I used to get up early in the morning when I was young.

6. Past Continuous Tense

  1. ใช้ได้โดยลำพังเมื่อมีช่วงเวลาแสดงว่ากำลังเกิดเหตุการณ์
  2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่าง ซึ่งกำลังดำเนินอยู่พร้อมๆกันในอดีต มักมี while, as, when
  3. เหตุการณ์ 1 ดำเนินอยู่ในอดีต (Past Continuous Tense) และเหตุการณ์ 2 เกิดขึ้นแทรก (Past Simple Tense)
  • At 8 o’clock yesterday he was having breakfast.
  • He was running all evening long.
  • His wife was sleeping while he was working.
  • While I was sleeping last night, it rained.
  • As I was running down the street, I saw Sam driving a car.

7. Past Perfect Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์ 1 เกิดขึ้นและจบลงก่อน (Past Perfect Tense) และเหตุการณ์ 2 เกิดทีหลัง (Past Simple Tense)
  2. ใช้แทน Present Perfect Tense และ Past Simple Tense ในประโยค Indirect Speech
  3. ใช้ตามหลัง wish แสดงสิ่งที่อยากเป็นในอดีต (แต่ในอดีตไม่ได้เกิดเช่นนั้น)
  • He had already woken up when the alarm rang.
  • He said, “I have finished my homework.” (Direct) –> He said he had finished his homework. (Indirect)
  • I wish I had been rich.

8. Past Perfect Continous Tense

  1. เหตุการณ์ 1 เกิดขึ้นและจบลงก่อน (Past Perfect Tense) และเหตุการณ์ 2 เกิดทีหลัง (Past Simple Tense) เหมือน Past Perfect แต่แสดงเน้นความต่อเนื่อง
  2. ใช้ในประโยค Indirect Speech
  • We had been waiting for half an hour before she came.
  • He said, “I have been waiting for you 2 hours.” (Direct) –> He said he had been waiting for you 2 hours. (Indirect)

9. Future Simple Tense

  1. การกระทำที่ยังไม่เกิด แต่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักใช้กับ Adverb ต่อไปนี้ tomorrow, next month, soon, shortly, in the future, in a short time, this evening
  2. เหตุการณ์ที่จะเกอดขึ้นในอนาคต ใช้ Future Simple, Present Continous, Present Simple, going to
  3. ใช้ to be going to
    • แสดงความตั้งใจหรือตัดสินใจไปแล้ว
    • คาดคะเนว่าเหตุการณ์นั้นกำลังจะเกิดขึ้น
    • แสดงความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นแน่นอน
    • ใช้ was/were going to เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นในอดีต เพียงแต่คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น
    • ไม่นิยมใช้ going to เพื่อแสดงความหมายที่เป็นอนาคตอย่างแท้จริง
    • ไม่นิยมใช้ going to กับกริยาแสดงการรับรู้ เช่น forget, know, understand, remember หรือ  come, go (เนื่องจากเป็นคำซ้ำซ้อน)
  • He will fly to … tomorrow. / He is flying to … tomorrow. / He flies to .. tomorrow.
  • I am going to write a letter to Jane tonight.
  • I think it is going to rain.
  • My sister is going to have a baby. / She’s gonna have a baby.
  • I was going to meet you yesterday, but I forgot.
  • Today is Monday. Tommorow wil be Tuesday.
  • I will remember your tel no.

10. Future Continous Tense

  1. เพื่อบอกว่า ณ เวลาหนึ่งในอนาคตจะมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหรือดำเนินอยู่
  2. เหตุการณ์ในอนาคตที่ผู้พูดตัดสินใจแล้ว่าจะทำ
  • At this time tomorrow she will be staying in New York.
  • I will be watching television all evening tomorrow.

11. Future Perfect Tense

  1. บอกเมื่อถึงเวลาหนึ่งในอนาคต ว่าเหตุการณ์นั้นจะสิ้นสุดแน่นอน มักมีคำบอกเวลา เช่น by next week, before next year
  2. ถ้าเป็นประโยคอนาคต 2 ประโยคที่เชื่อมกันอยู่ ประโยคที่อยู่หลังคำเชื่อมต้องเป็น Present Simple Tense
  3. ใช้ในการคาดคะเนหรือมีความสงสัย
  4. คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า เมื่อถึงเวลานั้นเหตุการณ์ 1 จบลงไปแล้ว (Future Perfect Tense) และมีเหตุการณ์ 2 เกิดขึ้นทีหลัง (Present Simple Tense)
  • The leaves will have fallen from the trees after 2 months.
  • She will have finished dressing by the time you get there.
  • I suspect that she will have slept by now.
  • He will have eaten the meal when you arrive.
  • By next week I will have worked for 2 months. (ทำครบ 2 เดือน)

12. Future Perfect Continuous Tense

  1. เหมือน Future Perfect แต่แสดงเน้นความต่อเนื่อง เมื่อมาถึงเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์ที่ดำเนิดมาก่อนหน้านั้น จะยังคงดำเนินอยู่และดำเนินต่อไปอีก
  • By next week I will have been working for 2 months. (ทำครบ 2 เดือนก็จะยังทำงานต่อไปอีก)
Previous
Next Post »