1. Present Simple Tense
- เหตุการณ์ที่เป็นจริงทั่วๆไป (general truth)
- การกระทำที่ทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย
- เหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด
- สิ่งที่กำหนดแน่นอนว่าจะทำในอนาคต
- บอกคำพูด นิยาย หรือคำประพันธ์ที่ผู้ประพันธ์ได้กล่าวไว้
- ใช้กับประโยค If-Cluase เพื่อบอกเหตุผลที่จะเกิดขึ้น หรือเงื่อนไขบางประการที่เป็นไปได้
- ใช้กับประโยคอุทาน หลังคำว่า here หรือ there
- The earth moves round the sun.
- He gets up early everyday.
- She sleeps in the bed.
- He sets sail tomorrow and comes back next week.
- Obama says that we must change.
- If she comes, I will see her.
- Here comes the bus! / There goes your friends!
2. Present Continuous Tense
- การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นขณะพูด
- เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นประจำขณะที่พูด (ใช้แทน Present Simple Tense ได้)
- เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คากว่าเกิดขึ้นแน่นอน (ส่วนใหญ่ใช้กับกริยาเคลื่นที่)
- กริยาที่ใช้กับ continuous tense ไม่ได้
- สภาวะจิตใจหรือความรู้สึก believe feel doubt want wish know like love suppose hate remember recognize see think
- การรับรู้ appear hear look seem smell taste
- ความเป็นเจ้าของ posses own have belong
- อื่นๆ agree consist deny depend disagree mean please promise include need satisfy surprise
- He is walking now.
- My dad is just sleeping in the bed. (เน้นว่ากำลังเกิดขึ้น ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น)
- He is working hard this month.
- She is coming here next week.
- I am going to hunt next week.
3. Present Pefect Tense
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังคงดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้ในขณะที่พูดถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ มักมีคำต่อไปนี้ since, for, so far, up to now, up to the present
- เหตุการณ์ที่แสดงว่า เคยหรือไม่เคยทำ นับตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีกมีคำเหล่านี้ never, ever, once, twice
- เหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงใหม่ๆ มีกมีคำเหล่านี้ just, yet, already
- เหตุการณ์ที่จบลงไปแล้ว แต่ผู้พูดยังคงรู้สึกถึงผลของเหตุการณ์นั้นอยู่
- I have lived in Bangkok since I was 18 years old.
- She has slept in the room for 8 hours.
- Have you ever been to Tokyo?
- I have just com back from Japan.
- Has he finished the work yet? No. not yet.
- I’ve seen her before.
4. Present Perfect Continuous Tense
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีความต่อเนื่องของการกระทำ มักมีคำว่า since, for
- คำกริยาที่ใช้ใน tense นี้ ต้องเป็นคำที่แสดงถึงความต่อเนื่องเท่านั้น ได้แก่ learn, live, wait, eat ฯลฯ กริยาที่ใช้ไม่ได้ เช่น stop, lie, arrive
- เน้นความต่อเนื่องของการกระทำมากกว่า Present Pefect Tense จึงไม่ใช้กับคำเหล่านี้ just, already, never, finally
- ใช้ since แบบนี้ Present Perfect Continuous Tense + since + Past Tense
- I have been studying English since 2007.
- He has been sleeping since he came back from the office.
- Q: You look tired. A: Yes, I have been working all day.
- I have known her for several years. (ไม่ใช่ have been knowing)
- I have been living here since I was a child.
- She have been working since she woke up.
5. Past Simple Tense
- การกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอตีค มักมีคำแสดงอดีต yesterday, last year, ago, once upon a time, durng the war
- การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว มักมีคำ always frequently, usually, never (ถ้ามีคำบอกความถี่อย่างเดียว ไม่บอกเวลา จะใช้ Present Simple Tense)
- She went to the movie last night.
- Jane always went to school late last year. (แต่ปัจจุบันไม่ได้สายแล้ว)
- I used to get up early in the morning when I was young.
6. Past Continuous Tense
- ใช้ได้โดยลำพังเมื่อมีช่วงเวลาแสดงว่ากำลังเกิดเหตุการณ์
- ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่าง ซึ่งกำลังดำเนินอยู่พร้อมๆกันในอดีต มักมี while, as, when
- เหตุการณ์ 1 ดำเนินอยู่ในอดีต (Past Continuous Tense) และเหตุการณ์ 2 เกิดขึ้นแทรก (Past Simple Tense)
- At 8 o’clock yesterday he was having breakfast.
- He was running all evening long.
- His wife was sleeping while he was working.
- While I was sleeping last night, it rained.
- As I was running down the street, I saw Sam driving a car.
7. Past Perfect Tense
- ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์ 1 เกิดขึ้นและจบลงก่อน (Past Perfect Tense) และเหตุการณ์ 2 เกิดทีหลัง (Past Simple Tense)
- ใช้แทน Present Perfect Tense และ Past Simple Tense ในประโยค Indirect Speech
- ใช้ตามหลัง wish แสดงสิ่งที่อยากเป็นในอดีต (แต่ในอดีตไม่ได้เกิดเช่นนั้น)
- He had already woken up when the alarm rang.
- He said, “I have finished my homework.” (Direct) –> He said he had finished his homework. (Indirect)
- I wish I had been rich.
8. Past Perfect Continous Tense
- เหตุการณ์ 1 เกิดขึ้นและจบลงก่อน (Past Perfect Tense) และเหตุการณ์ 2 เกิดทีหลัง (Past Simple Tense) เหมือน Past Perfect แต่แสดงเน้นความต่อเนื่อง
- ใช้ในประโยค Indirect Speech
- We had been waiting for half an hour before she came.
- He said, “I have been waiting for you 2 hours.” (Direct) –> He said he had been waiting for you 2 hours. (Indirect)
9. Future Simple Tense
- การกระทำที่ยังไม่เกิด แต่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักใช้กับ Adverb ต่อไปนี้ tomorrow, next month, soon, shortly, in the future, in a short time, this evening
- เหตุการณ์ที่จะเกอดขึ้นในอนาคต ใช้ Future Simple, Present Continous, Present Simple, going to
- ใช้ to be going to
- แสดงความตั้งใจหรือตัดสินใจไปแล้ว
- คาดคะเนว่าเหตุการณ์นั้นกำลังจะเกิดขึ้น
- แสดงความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นแน่นอน
- ใช้ was/were going to เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นในอดีต เพียงแต่คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น
- ไม่นิยมใช้ going to เพื่อแสดงความหมายที่เป็นอนาคตอย่างแท้จริง
- ไม่นิยมใช้ going to กับกริยาแสดงการรับรู้ เช่น forget, know, understand, remember หรือ come, go (เนื่องจากเป็นคำซ้ำซ้อน)
- He will fly to … tomorrow. / He is flying to … tomorrow. / He flies to .. tomorrow.
- I am going to write a letter to Jane tonight.
- I think it is going to rain.
- My sister is going to have a baby. / She’s gonna have a baby.
- I was going to meet you yesterday, but I forgot.
- Today is Monday. Tommorow wil be Tuesday.
- I will remember your tel no.
10. Future Continous Tense
- เพื่อบอกว่า ณ เวลาหนึ่งในอนาคตจะมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหรือดำเนินอยู่
- เหตุการณ์ในอนาคตที่ผู้พูดตัดสินใจแล้ว่าจะทำ
- At this time tomorrow she will be staying in New York.
- I will be watching television all evening tomorrow.
11. Future Perfect Tense
- บอกเมื่อถึงเวลาหนึ่งในอนาคต ว่าเหตุการณ์นั้นจะสิ้นสุดแน่นอน มักมีคำบอกเวลา เช่น by next week, before next year
- ถ้าเป็นประโยคอนาคต 2 ประโยคที่เชื่อมกันอยู่ ประโยคที่อยู่หลังคำเชื่อมต้องเป็น Present Simple Tense
- ใช้ในการคาดคะเนหรือมีความสงสัย
- คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า เมื่อถึงเวลานั้นเหตุการณ์ 1 จบลงไปแล้ว (Future Perfect Tense) และมีเหตุการณ์ 2 เกิดขึ้นทีหลัง (Present Simple Tense)
- The leaves will have fallen from the trees after 2 months.
- She will have finished dressing by the time you get there.
- I suspect that she will have slept by now.
- He will have eaten the meal when you arrive.
- By next week I will have worked for 2 months. (ทำครบ 2 เดือน)
12. Future Perfect Continuous Tense
- เหมือน Future Perfect แต่แสดงเน้นความต่อเนื่อง เมื่อมาถึงเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์ที่ดำเนิดมาก่อนหน้านั้น จะยังคงดำเนินอยู่และดำเนินต่อไปอีก
- By next week I will have been working for 2 months. (ทำครบ 2 เดือนก็จะยังทำงานต่อไปอีก)
Sign up here with your email
ConversionConversion EmoticonEmoticon